วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Colmar ประเทศฝรั่งเศส

   Colmar ประเทศฝรั่งเศส เมือง Colmar ถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีความโรแมนติก เมืองหนึ่ง ของประเทศฝรั่งเศส และเป็นสถานที่ที่คู่รัก มักจะให้คำสัญญาในความรักระหว่าง กันและกัน สิ่งที่น่าประทับใจในเมือง Colmar ก็คือ ไร่องุ่นจำนวนมาก เคียงคู่ไปกับอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยม และบรรยากาศ ที่สวยงาม สถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ช่วยทำให้เมือง Colmar เป็นอีกหนึ่งในสถานที่โรแมนติกในฝัน
กอลมาร์ (ฝรั่งเศส: Colmar, ฟังเสียง, อัลเซเชียน: Colmer) เมืองกอลมาร์เป็นเมืองหลวงของจังหวัดโอ-แร็งในแคว้นอาลซัสในประเทศฝรั่งเศส เมืองกอลมาร์ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส
เมืองกอลมาร์ตั้งอยู่บน “เส้นทางไวน์ของอาลซัส” และได้ชื่อว่าเป็น “capitale des vins d'Alsace” (เมืองหลวงแห่งไวน์แห่งอาลซัส)
ในปี ค.ศ. 2006 เมืองกอลมาร์มีประชากรทั้งสิ้น 65,713 คน และในปริมณฑลอีก 120,367 คนกอลมาร์เป็นศูนย์กลางของเขตกอลมาร์ที่มีประชากร 144,700 คนในปี ค.ศ. 2006




กอลมาร์เป็นบ้านเกิดของจิตรกรและช่างแกะพิมพ์มาร์ติน โชนเกาเออร์ และประติมากรเฟรเดริก โอกุสต์ บาร์ตอลดีผู้ออกแบบอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ กอลมาร์มีชื่อเสียงในการอนุรักษ์เมืองให้ยังคงเป็นเมืองที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมและบรรยกาศของเมืองโบราณ ในตัวเมืองเก่าก็มีพิพิธภัณฑ์ คริสต์ศาสนสถาน และร้านค้าและที่อยู่อาศัยที่คงสภาพเหมือนเมืองในยุคกลาง

Prague สาธารณรัฐเช็ก

   Prague สาธารณรัฐเช็ก อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับสถานที่โรแมนติก ก็คือ เมือง Prague ของสาธารณรัฐเช็ก สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย วัฒนธรรม และปราสาทเก่าแก่ ผู้คนที่มีมิตรไมตรี และสุภาพอ่อนโยน เมือง Prague เป็นสถานที่เกิดของนักดนตรีระดับโลก อย่าง Mozart และมีชื่อเสียง ในเรื่องของทางเดินอันสวยงามในเมือง ที่คู่รักสามารถใช้เวลาเดินเล่นด้วยกัน
พื้นที่บริเวณกรุงปรากมีคนอาศัยตั้งแต่ 200 ปีก่อนคริสตกาล โดยช่วงแรกเป็นเผ่าเคลต์ (Celt) ก่อนจะถูกรุกรานโดยเผ่าเยอรมนิก (Germanic) และถูกครอบครองโดยเผ่าสลาฟในคริสต์ศตวรรษที่ 4
ประมาณ 200 ก่อนปีคริสต์ศักราช ชาวเคลต์ได้ตั้งอาณานิคมขึ้นทางตอนใต้ มีชื่อว่า Závis แต่ต่อมาในศตวรรษที่ 4 ชาวสลาฟได้เข้าครอบครองดินแดนนี้ จนในศตวรรษที่ 7 วัฒนธรรมของทั้งสองเผ่าพันธ์ได้ ผสมผสานกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

มีตำนานกล่าวขานว่า เจ้าหญิง LibuŠe แห่งราชวงศ์ ได้สมรสกับ เจ้าชาย Premysl และก่อตั้งราชวงศ์ Premysl ทั้งสองทรงโปรดให้มีการสร้างปราสาทนาม Libusin ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของแคว้นโบฮีเมีย เจ้าหญิง LibuŠe ยังได้ทรงเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าและทรงทำนายว่า จะมีการก่อสร้างปราสาทซึ่งสูงสง่าอลังการณ์เทียมฟ้า
      ส่วนตัวเมืองปรากนั้นมีหลักฐานว่าสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 9 และเป็นเมืองหลวงของแคว้นโบฮีเมีย ซึ่งอยู่ใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
     ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 9 กษัตริย์บอริวอจ พรีมิสโลเวก (Borivoj Premyslovec) ทรงสร้างปราสาทขนาดใหญ่บนเขาสูงสง่าเหนือแม่น้ำ Vltava (ชาวเยอรมันเรียกแม่น้ำนี่ว่า Moldau) เขา Hradchin และมีการขนานนามปราสาทแห่งนี้ว่า ปราฮา (Praha) ซึ่งเป็นชื่อเรียกกรุงปรากในภาษาเช็ก   

New York

New York ประเทศสหรัฐอเมริกา เมือง New York เหมาะสำหรับคู่รัก ที่กำลังมองหาสถานที่ที่จะใช้ ช่วงเวลาแห่งความรัก และความโรแมนติก ในหลากหลายรูปแบบ ร้านอาหาร และร้านค้าจำนวนมาก และสถานที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น สถานีรถไฟ Grand Central Terminal, อนุสาวรีย์เทพีสันติภาพ และสวนหย่อมขนาดใหญ่ Central Park (มีกิจกรรมคอนเสิร์ต, มีลานสเก็ตน้ำแข็ง)
      นครนิวยอร์ก หรือที่นิยมเรียกกันว่า นิวยอร์กซิตี (อังกฤษ: New York City; NYC) เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่เจริญที่สุดในโลก เป็นมหานครเอกของโลก จัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม บันเทิง ที่สำคัญที่สุดของโลก เป็นเมืองที่มี ตึกระฟ้า ตึกสูงมากที่สุดในโลก ตลอดระยะเวลา 150 ปี และยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ อีกด้วย
      นิวยอร์กตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย 5 เขตปกครองที่เรียกว่า โบโรฮ์ (Borough) คือ เดอะบรองซ์ บรูคลิน แมนแฮตตัน ควีนส์ และสแตตัน ไอส์แลนด์ ประชากรรวมทั้งหมดประมาณ 8,274,527 คน
     ภายในพื้นที่ 790 ตร.กม. (305 ตร.ไมล์) นอกจากจะเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดแล้ว สัดส่วนพื้นที่ต่อประชากรยังถือว่าหนาแน่นที่สุดในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
ลักษณะเฉพาะของนิวยอร์กที่แตกต่างไปจากเมืองแห่งอื่นของสหรัฐอเมริกา มีให้เห็นหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ระบบขนส่งที่มีโครงข่ายขนาดใหญ่ ความเหมือนและความแตกต่างกันของประชากร ใน ค.ศ. 2005 มีภาษาประมาณ 170 ภาษาที่ใช้กันในเมืองแห่งนี้ และ 36% ของประชากรไม่ได้เกิดและโตในสหรัฐอเมริกา
 
ระบบรถไฟใต้ดินนครนิวยอร์กที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง บวกกับการจราจรและผู้คนที่พลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา จึงมีคำเปรียบเปรยถึงนิวยอร์กว่าเป็น “เมืองที่ไม่เคยหลับใหล” ขณะเดียวกันเมืองแห่งนี้ยังมีชื่อเล่นอื่นๆ อีกด้วยอย่าง “กอร์ทเทม” (Gotham) และ “บิ๊กแอปเปิล” (Big Apple)
สถานที่ท่องเที่ยว
นิวยอร์กมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเกาะแมนแฮตตัน นักท่องเที่ยวมักจะแวะตามที่สถานที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ ตึกเอมไพร์เสตต ตึกไครสเลอร์ ไทม์สแควร์ เทพีเสรีภาพ วอลล์สตรีต สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ โบสถ์เซนต์แพทริก สะพานบรูคลิน เรือบรรทุกเครื่องบินอินทรีพิด เซ็นทรัลปาร์ค
แหล่งชอปปิ้งมากมายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว ได้แก่ บริเวณ ฟิฟท์อเวนูสำหรับของมียี่ห้อและเครื่องประดับ ห้างสรรพสินค้าเมซีส์ (Macy's) ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ เฮอรัลด์สแควร์ที่มีขายของหลายระดับ กรีนวิชวิลเลจมีของขายเกี่ยวกับซีดีเพลงและหนังสือ อีสต์วิลเลจสำหรับขายของที่น่าสนใจ ถนน 47th ช่วงระหว่าง ฟิฟท์อเวนู และซิกซ์อเวนู ขายเครื่องประดับและอัญมนี โซโหแหล่งชอปปิ้งเสื้อผ้าชั้นนำต่างๆ เชลซีสำหรับการซื้อขายงานศิลป์ นอกจากในเขตแมนแฮตตันยังมีบริเวณดาวน์ทาวน์บรูคลิน และบริเวณควีนส์บูเลอวาร์ดในควีนส์ สำหรับแหล่งชอปปิ้งอื่นๆ
ในช่วงวันสิ้นปี บริเวณไทมส์แสควร์จะมีผู้คนหลายแสนคนไปรวมกันเพื่อไปเคานต์ดาวน์ ต้อนรับงานปีใหม่ และในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า ทางห้างเมซีส์ จัดขบวนพาเหรดทุกปี บริเวณถนนบอร์ดเวย์
พิพิธภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักในนิวยอร์กได้แก่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน (เดอะเม็ต) Museum of Modern Art (โมมา) และ American Museum of Natural History

เวนิส ประเทศอิตาลี (Guide for Venice)

เวนิสเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยคลองมีคลองมากถึง 150 สายและทุกสายไหลผ่านตัวเมืองหรือ center ด้วยเหตุนี้เองเวนิสจึงเต็มไปด้วยสะพานและซอยเล็กๆ มากมาย และแต่ละที่จะเต็มไปด้วยผู้คนและร้ายขายของมากมาย วิวจากทุกสะพานและซอยจะมีเอกลักษณ์และความสวยที่แปลกตา ทำให้บางครั้งเราอาจเผลอถ่ายรูปจำนวนมากไปโดยไม่รู้ตัว ด้วยความเป็นเอกลักษณ์แบบนี้จึงไม่สามารถหาดูได้ที่ไหนนอกจากที่เวนิส


การเดินทางไปยังเวนิส
ทางเครื่องบิน : ที่เวนิสมีสนามบินสองแห่งคือ Marco Polo และ Treviso สามารถเดินทางจากสนามบิน Marco Polo ไปยังตัวเมืองเวนิส (Piazzale Rome) โดยรสบัสหมายเลข #5 ค่าโดยสาร 2 ยูโร โดยเป็นตั๋วแบบเที่ยวเดียว ส่วนการเดินทางจาก Treviso ไปสู่ตัวเมืองเวนิสทำได้โดยใช้ Shuttle bus ที่สนามบิน โดยจะไปที่จัตุรัสเดียวกับที่รสบัสไปถึง ค่าโดยสาร 4.5 ยูโร โดยเป็นตั๋วแบบเที่ยวเดียว
ทางรถไฟ : รถไฟไปถึงตัวเมืองเวนิสที่สถานี Stazione di Santa Lucia
ทางรสบัส : รถบัสไปถึงเวนิสที่ Piazzale Roma

การเที่ยวในเวนิส
เดินเที่ยว : การเดินเที่ยวอาจเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดสำหรับเที่ยวในเวนิส เพราะเวนิสไม่ใช่เมืองที่ใหญ่มาก สามารถเดินเที่ยวได้อย่างทั่วถึง
เที่ยวโดยเรือ หรือ Water bus หรือ Vaparetto : บางครั้งถ้าต้องการเดินทางไปยังจุดที่ไกลมากจนไม่สามารถเดินได้อาจเดินทางโดยเรือ ค่าโดยสารแบบรอบเดียวสำหรับ 1 คนคือ 6 ยูโร ซึ่งถือว่าค่อนข้างแพง เพราะฉะนั้นควรวางแผนการใช้ให้ดี
เรือข้ามฟาก หรือ Traghetto : Traghetto เป็นเรือข้ามฟากที่มีในคลองสายหลักๆ ผู้โดยสารต้องยืนและใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ค่าโดยสารแบบรอบเดียวสำหรับ 1 คนคือ 0.5 ยูโร 




กอนโดล่า หรือ Gondola : จริงๆ แล้วจะจัด Gondola อยู่ในหมวดนี้ก็ไม่ถูกเพราะ Gondola ไม่ได้มีไว้เดินทาง แต่ Gondola คือพาหนะยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวมักจะมาลองนั่งดูเมื่อมาถึงเวนิส เพื่อสัมผัสบรรยากาศของเมือง ปกติแล้วจะอยู่ที่ 70 ยูโรต่อเรือ 1 ลำ ต่อ 45 นาที ราคานี้ไม่รวมค่าร้องเพลง ขับกล่อม ต้องสอบถามจากท่าเรือและต่อรองกันเอาเอง ถ้าอยากประหยัดให้เลือกท่าเรือที่มีคนน้อยๆ หรือถ้าอยากประหยัดอีกก็ขึ้น Gondola ที่ไม่ใช่ของแท้ ที่ไม่มีการแต่งหัวเรือและเบานั่งแบบหรูหรา จะประหยัดได้ประมาณ 10 กว่าๆ ยูโร
สภาพอากาศของเวนิส
เดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนที่หนาวที่สุดในเวนิส และอุณหภูมิจะเริ่มเพิ่มขึ้นในเดือนมีนาคมเมื่อเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ เดือนที่อากาศดีและเหมาะกับการไปเที่ยวเวนิสมากที่สุด อยู่ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนมิถุนายน และอากาศจะเริ่มร้อนในเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม และอากาศจะกลับมาเย็นสบายอีกครั้งในเดือนกันยายนซึ่งถือว่าเป็นอีกเดือนหนึ่งที่น่าไปเที่ยว